Wednesday 20 August 2008

การเสด็จประพาสต้น

ทรงฉายร่วมกับพระราชโอรสที่ศึกษาวิชาการอยู่ในยุโรป
ทรงฉายกับสมเด็จพระราชินีมาเรียครสิตินา แห่งสเปน และพระบรมวงศานุวงศ์
เสด็จประพาสโรงทำปืนใหญ่ ของลอร์ดอาร์สตรอง เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ
ทรงฉายกับพระเจ้าฟร์นิโคลัสที่ ๒ แห่งรัสเซีย
การเสด็จประพาสต้น
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงชื่นชอบการเสด็จประพาสยิ่งนัก พระองค์ทรงเสด็จประพาสทั้งเป็นทางกาและไม่เป็นทางการ บางครั้งทรงปลอมพระองค์ทรงปลอมพระองค์เป็นสามัญชนบ้าง ปลอมเป็นขุนนางบ้าง เพื่อเสด็จดูแลทุกข์สุขของประชาชนในหัวเมืองต่าง ๆ มากมาย การเสด็จประพาสบ่อยครั้งทำให้ทรงได้ทอดพระเนตรเห็นสิ่งต่าง ๆ มากมายทั้งที่ดีและไม่ดี สิ่งเหล่านี้พระองค์ท่านได้นำมาพัฒนาบ้านเมืองให้เกิดความเจริญขึ้น จะเห็นได้จากที่พระองค์ทรงพระราชดำริในการเสด็จประพาสในแต่ละครั้ง

ในปี พ.ศ. 2413 ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านเป็นครั้งแรก ทรงเลือกที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปในประเทศเพื่อบ้านใกล้เคียง คือ ประเทศสิงคโปร์ และประเทศชวา ด้วยทรงต้องการที่จะเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้านในแถบอินโดจีนด้วย และเพื่อเรียนรู้การปกครองเนื่องด้วยประเทศทั้งสองนี้ต่างก็เป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2415 ทรงได้เสด็จเยือนประเทศเพื่อนบ้านอีก 2 ประเทศ คือประเทศอินเดีย และประเทศพม่า และเมื่อที่เสด็จไปประเทศอินเดียนั้น ทรงได้รับการถวายพระบรมสารีริกธาตุและพันธุ์พระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยาอินเดีย เพื่อนำกลับมาปลูกในประเทศไทย ทั้งนี้เป็นการทำนุบำรุงพระศาสนาให้เกิดความศรัทธาเลื่อมใสมากขึ้น

ด้วยในขณะนั้นประเทศในแถบอินโดจีนได้รับการรุกรานจากประเทศมหาอำนาจจากตะวันตกและด้วยประเทศในแถบอินโดจีนนั้นเป็นปรเทศที่ด้วยพัฒนา ทำให้ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจได้โดยง่า รวมถึงประเทศไทยก็กำลังต้องเผชิญกับสภาวะนี้อยู่เช่นกัน ด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกลของพระองค์ในกาลนี้ พระองค์จึงตั้งพระทัยที่จะเสด็จประพาสยุโรปเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศมหาอำนาจเหล่านั้น


เป็นพระราชกรณียกิจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง จัดเป็นพระราชกรณียกิจเฉพาะพระองค์ เนื่องจาก มีพระราชประสงค์ที่จะสอดส่องดูแล ทุกข์สุขของราษฎรอย่างใกล้ชิด โปรดเกล้าฯ ให้จัดการเสด็จพระราชดำเนินเป็นการลับ ทรงแต่งพระองค์อย่างสามัญชน เสด็จพระราช ดำเนินด้วยรถไฟบ้าง เรือมาดเก๋ง ๔ แจวบ้าง เรือประทุน ๔ แจวบ้าง เพื่อทอดพระเนตรชีวิต ความเป็นอยู่ของราษฎร และการปฏิบัติงาน ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ พระองค์ทรงเป็นที่รักและเทิดทูนอย่างยิ่งของพสกนิกรทั้งปวง ซึ่งพร้อมใจกันถวาย พระสมัญญา นามว่า "พระปิยมหาราช" และร่วมกันออกทุนทรัพย์สร้างพระบรมรูปทรงม้า ไว้ที่ลาน พระราชวังดุสิต เพื่อเป็นที่เคารพสักการะอยู่ ชั่วนิรันดร์
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวรด้วยโรคพระวักกะพิการ สวรรคตเมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๕๓ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระชนมพรรษา ๕๘ พรรษา เสด็จอยู่ในสิริราชสมบัติ ๔๒ ปี